วารสารวิชาการเสพติดได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาใหม่เมื่อ 13 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากทีมนักวิจัยจาก University of California ในลอสแอนเจลิส ของสหรัฐฯ ได้นำข้อมูลจากใบมรณะบัตรของผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดในสหรัฐฯ จากศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ระหว่างปี 2010 ถึง 2021 มาทำการศึกษาเพื่อดูตัวยาที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้คน
จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า มีผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
เปิดชื่อผู้ถือธงชาย-หญิง ทัพกีฬาไทย พิธีเปิดเอเชียนเกมส์ 2022
ฟังเสียงนักการเมือง ปมเศรษฐาเล็งดึง "ทักษิณ" ช่วยบริหารประเทศ
"เศรษฐา" เรียกร้องหุ้นส่วนไทยกระชับสัมพันธ์การค้า-พร้อมต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ
โดยปี 2010 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการใช้เฮโรอีนหรือการใช้ยากลุ่มประเภทฝิ่นตามใบสั่งแพทย์ และในจำนวนนี้มี 7.2 % เท่านั้นที่เสียชีวิตจากการใช้เฟนทานิล
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลปี 2021 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดเพิ่มขึ้น 100,000 คนเป็นครั้งแรก โดยในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตจากการใช้เฟนทานิลสูงถึง 66 % ทั้งนี้ผลการศึกษาใหม่ชี้ให้เห็นว่า ตั้งแต่ช่วงปี 2010 ถึง 2021 มีสัดส่วนชาวอเมริกันใช้เฟนทานิลร่วมกับยาเสพติดประเภทอื่นๆมากเกินไป จนเกิดวิกฤตที่ผู้คนใช้ยาเกินขนาดในสหรัฐอเมริกาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะเดียวกันก็ยังพบว่าการเสพยาเสพติดของผู้คนแทบทุกมุมเมืองของสหรัฐฯ ตั้งแต่รัฐฮาวาย รัฐอลาสกา ไปจนถึงรัฐโรดไอแลนด์ (Rhode Island) ล้วนผสมไปด้วยเฟนทานิล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Chelsea Shover ของโรงเรียนแพทย์ David Geffen ที่ UCLA ซึ่งเป็นผู้ร่วมเขียนการศึกษานี้ ระบุว่า จุดเริ่มต้นของปัญหาการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯก่อนหน้านี้มาจากการใช้ยากลุ่มประเภทที่ผสมฝิ่น ที่มาจากใบสั่งของแพทย์ที่มากเกินไป
แต่ตอนนี้ประเด็นนี้ไม่ใช่ปัญหาหลักแล้ว เพราะผู้เสียชีวิตที่เกิดจากการใช้ยาเกินขนาดมีลักษณะเฉพาะคือ มีการใช้เฟนทานิล และยากระตุ้นประเภทอื่นร่วมด้วย แนวโน้มการใช้เฟนทานิลคู่กับสารเสพติดประเภทอื่นในสหรัฐฯ เริ่มเห็นเด่นชัดในปี 2015 มีรายงานการพบเห็นการใช้เฟนทานิลเกินขนาดที่เพิ่มขึ้นในแทบทุกรัฐในสหรัฐฯ และพบผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาประเภทดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ในปี 2018 ประมาณ 80% ของผู้คนที่ใช้ยาเฟนทานิลเกินขนาดเกิดขึ้นทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ แต่ในปี 2019 กลายเป็นพื้นที่ทางตะวันตกของสหรัฐฯ ก่อนที่จะพบอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ผลการศึกษาของเหล่านักวิจัยแสดงให้เห็นว่า พวกเขาได้ส่งสัญญาณเตือนถึงแนวโน้มของการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการใช้เฟนทานิลและยากระตุ้นอื่นๆ เช่น โคเคน หรือยาบ้า (methamphetamines) ที่เกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผลการศึกษายังชี้ให้เห็นว่า สารกระตุ้นที่ใช้ร่วมกับเฟนทานิลได้เปลี่ยนไปตามพื้นที่ และภูมิภาค โดยการเสียชีวิตเกือบทั้งหมดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้วเกิดการใช้เฟนทานิลคู่กับโคเคน ส่วนภาคตะวันตก และมิดเวสต์ คือเฟนทานิลคู่กับยาบ้า
จะเห็นได้ว่า ลักษณะของการเสียชีวิตของผู้คนมาจากการใช้เฟนทานิลที่ผลิตอย่างผิดกฏหมายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการใช้เฟนทานิลควบคู่กับยาเสพติดประเภทอื่น กำลังกลายเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดของวิกฤตนี้
ผู้ช่วยศาสตร์จารย์ Shover ระบุว่า การใช้เฟนทานิล และสารกระตุ้นประเภทอื่นพร้อมกัน ตลอดจนสูตรผสมสารตัวอื่นๆ ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพและความท้าทายด้านสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม การใช้เฟนทานิลที่เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ถือเป็นหายนะอย่างหนึ่ง เพราะ เฟนทานิลมีฤทธิ์รุนแรงกว่าเฮโรอีนถึง 50 เท่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Anna Childress อาจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์ จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย เพอเรลแมน ระบุว่า เฟนทานิลเพียงเล็กน้อยสามารถฆ่าคนที่ใช้สารกระตุ้นได้ง่าย แม้แต่ผู้ใช้ฝิ่นเป็นหลักก็ยังเสียชีวิตจากการใช้เฟนทานิลเกินขนาดมาแล้ว ทั้งนี้ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า สหรัฐฯกำลังก้าวเข้าสู่วิกฤตการใช้เฟนทานิลเกินขนาดที่แพร่กระจายไปทั่วทุกรัฐของประเทศ และนำพาประเทศเข้าสู่คลื่นลูกที่สี่ของวิกฤตการใช้ยาเสพเกินขนาด
ภาพจาก : รายการทันโลก Express
สภาพอากาศวันนี้! ฝนถล่มทั่วไทย เช็ก 47 จังหวัดเสี่ยง กทม.อ่วมโดน 70%
ศาลออกหมายจับ "เจษฎา" 5 ข้อหาหนัก คดีร่วมฆ่าลูก