นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชน เริ่มกังวลปัจจัยการเมืองขึ้น เห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. ผู้ประกอบการกังวลมากขึ้น เทียบจากเดือน พ.ค. เนื่องจากกำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง และเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้ หากการเมืองไทยมีเสถียรภาพ จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อการค้าและการลงทุน
นอกจากนี้ ส.อ.ท.มีความกังวลความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อ ส่งผลต่อราคาวัตถุดิบ และพลังงาน รวมถึงปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบหรือสินค้า ไม่คลี่คลายทำให้ต้นทุนการผลิตยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยจากหลายประเทศเผชิญภาวะเงินเฟ้อเริ่มส่งผลให้คำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าชะลอตัวลงโดยเฉพาะสหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) อาจกดดันต่อการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังชะลอตัวตาม
“ส่งออกปีนี้เรามองว่า ยังคงเติบโตอยู่ แต่ยังกังวลครึ่งปีหลังชะลอตัวจากแนวโน้มเศรษฐกิจคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐและอียูถดถอยทำให้แรงซื้อในประเทศตกต่ำ และยังต้องติดตามกรณีที่สหรัฐอาจปรับลดกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เพื่อแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐขึ้นกำแพงภาษี เพื่อทำสงครามการค้าและทำให้สหรัฐฯหันมานำเข้าสินค้าจากไทยซึ่งหากลดภาษีฯ อาจทำให้การส่งออกของไทยอาจลดลงได้เช่นกัน”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ค่าเงินบาทของไทยเมื่อเทียบสหรัฐฯอ่อนค่าลงเฉลี่ย 7% จากต้นปี แต่ไม่น่ากังวล เมื่อเทียบกับหลายประเทศ เพราะเงินสำรองของไทยยังคงสูงแต่ยอมรับว่า ปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ปรับตัวสูง อาจส่งผลให้ธนาคารกลาง (เฟด) ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยแรงอีกครั้งในเร็วๆ นี้เป็น 0.75-1% จะทำให้ดอลลาร์แข็งค่าและบาทจะอ่อนค่ายิ่งขึ้น จะเป็นแรงกดดันให้การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายการเงิน (กนง.) ต้องพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดูแลค่าเงินบาทส่วนจะปรับอย่างไรคงอยู่ที่การตัดสินใจ กนง. ซึ่ง ส.อ.ท.เห็นว่า ต้องมองให้เกิดสมดุลระหว่างการนำเข้าและส่งออก
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เพราะเปิดประเทศรับท่องเที่ยว ดังนั้นหากบริหารท่องเที่ยวให้ดีจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยชดเชยส่งออกครึ่งปีหลังที่อาจจะชะลอตัวลงไปบ้างก็ตาม ขณะที่ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ มี 4 ข้อ ได้แก่ ให้ภาครัฐเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อทดแทนตลาดที่ชะลอตัว และได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา
ขณะเดียวกันขอให้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงานในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงภาคการท่องเที่ยวไทย ที่มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น ซึ่งการที่ต่างชาติเข้าเที่ยวไทยเพิ่ม จะเป็นตัวช่วยสู้ค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลดลง เพราะต่างชาติมีความต้องการใช้เงินบาทมากขึ้น, ส่งเสริมและปรับปรุงกฎระเบียบให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคธุรกิจ รวมถึงภาคประชาชน และสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อการประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นไปตามกระแสอีเอสจีด้วย